Home ข้อมูลความรู้ บทความ ขี่จักรยานให้บ่อยขึ้นเพื่อทำให้โลกเย็นลง

การวัดการไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของการใช้จักรยาน
Quantifying CO2 savings of cycling
จัดทำโดย สหพันธ์ผู้ใช้จักรยานยุโรป (European Cyclists’ Federation –ECF)

 บทสรุปผู้บริหาร
ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2533 ถึง 2550 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ในขณะที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนอื่นลดลงร้อยละ 15 ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น การบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายมาเป็นหัวใจของนโยบายการขนส่งและหัวใจของนโยบายกว้างๆ ของสหภาพยุโรป สหภาพยุโรปได้ตั้งเป้าไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2593 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนลงให้ได้ร้อยละ 80-95 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยในปี 2533 เช่นนั้น ภาคขนส่งจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนได้ราวร้อยละ 60
เมื่อประเมินวิธีการขนส่งแบบต่างๆ แล้ว พบว่า การใช้จักรยานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้อย่างสำคัญ ถึงแม้ว่าการใช้จักรยานจะไม่ใช่วิธีการขนส่งที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเลยก็ตาม แต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเมื่อใช้จักรยานน้อยกว่าเมื่อใช้รถยนต์ส่วนตัวไม่ต่ำกว่า 10 เท่า การศึกษาพบว่า จักรยานช่วยขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (pedelec คือจักรยานที่นอกจากใช้แรงคนในการขับเคลื่อนแล้ว ยังมีเครื่องยนต์ไฟฟ้ามาช่วยเสริม) แม้จะมีเครื่องยนต์ไฟฟ้ามาช่วยในการเคลื่อนที่ ก็ยังปล่อยก๊าซเรือนจกในระดับเดียวกับจักรยานธรรมดา
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า หากทั้ง 27 ประเทศของสหภาพยุโรปใช้จักรยานในระดับเดียวกับเดนมาร์ก การใช้จักรยานจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งลงได้ร้อยละ 12-26 ของเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2593 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้จักรยานแทนการขนส่งวิธีใด การประมาณการและสถานการณ์จำลองส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด ได้ข้อสรุปว่า มาตรการที่เน้นไปที่การปรับปรุงเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรปได้ ไม่ว่าจะเป็นระยะกลางหรือระยะยาว มีการประเมินว่า มาตรการปรับปรุงต่างๆ จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งได้เพียงร้อยละ 20 ในปี 2593 หากใช้ระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2533 เป็นฐาน
นอกจากการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ แล้ว การจะบรรลุให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของสหภาพยุโรปต้องมีแผนที่ทะเยอทะยาน มองไปข้างหน้ายังการเปลี่ยนวิธีการขนส่งทั่วสหภาพยุโรปไปจากการใช้รถยนต์ส่วนตัว อาจเป็นการใช้จักรยานธรรมดาๆ จักรยานช่วยขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และระบบจักรยานสาธารณะ ทั้งเฉพาะการใช้วิธีการเหล่านี้ตามลำพังด้วยตัวเอง หรือใช้ผสมผสานร่วมกับระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ล้วนมีศักยภาพที่จะมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงวิธีการขนส่งไปจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวทั้งสิ้น
คุณจะไปได้ไกลแค่ไหนให้อยู่ในกรอบเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของสหภาพยุโรป
บนฐานของสมมติฐานดังต่อไปนี้
ในปี 2533 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ เท่ากับ 771 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้นในปี 2593 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ควรจะไม่เกิน 308 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ 588 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปีต่อคน ซึ่งเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาจากเดินทาง 28,000 กิโลเมตรด้วยจักรยาน หรือ 5822 กิโลเมตรด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือ 2170 กิโลเมตรด้วยรถยนต์
 

บทนำ
ภาคขนส่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกแหล่งใหญ่ที่เพิ่มปริมาณการปล่อยขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2533 ถึง 2550 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรปทุกภาคส่วน ยกเว้นภาคขนส่ง ลดลงร้อยละ 15 ในขณะที่การปล่อยของภาคขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริงถึงร้อยละ 36 ในช่วงเวลาเดียวกัน จนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งส่วนที่ใช้ถนนเป็นประมาณร้อยละ 20 หรือหนึ่งในห้าของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของสหภาพยุโรป
ภาพที่ 1: การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรปในปัจจุบัน

แหล่งที่มา: EEA

สหภาพยุโรปยินดีที่จะตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของตนลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยในปี 2533 ในภาคส่วนที่ระบบการค้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป (European Union Emissions Trading System – EUETS) ไม่ได้ครอบคลุมถึง เช่น ภาคขนส่ง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะต้องลดลงจากระดับในปี 2548 ร้อยละ 10 สหภาพยุโรปยังมีเป้าประสงค์ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 80-95 ในปี 2593 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยในปี 2533
ภาพที่ 2: เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป

แหล่งที่มา: คณะกรรมาธิการ

เป้าหมายระยะยาวของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นนี้จะบรรลุผลเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคขนส่งได้ลดลงอย่างมากด้วย คณะกรรมาธิการยุโรปประเมินว่าภาคขนส่งจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนลงร้อยละ 54 -67 ในปี 2593 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับการปล่อยในปี 2533 ดูเหมือนว่าการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายมาเป็นหัวใจของนโยบายการขนส่ง และจริงๆ แล้วก็เป็นหัวใจของนโยบายของสหภาพยุโรปโดยรวม
ด้วยการใช้ระดับการใช้จักรยานในปัจจุบันมาเป็นฐานคิด รายงานฉบับนี้มุ่งหมายประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจักรยานและการใช้จักรยาน โดยมุ่งตอบคำถามที่ว่า การใช้จักรยานเมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางขนส่งด้วยวิธีการอื่นๆ แล้วออกมาเป็นอย่างไร
รายงานฉบับนี้ยังจะดูไปถึงศักยภาพของจักรยานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในขณะที่จักรยานไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตัวมันเองลงได้ ก็มีข้อสงสัยน้อยว่า การใช้จักรยานสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด รายงานฉบับนี้จะมองสั้นๆ ไปที่การใช้จักรยานกับการเงินที่เกี่ยวกับคาร์บอน นั่นคือ เราสามารถวัดคุณค่าเป็นตัวเงินของปริมาณคาร์บอนที่การใช้จักรยานลดการปล่อยได้

เอกสารสื่อสารของคณะกรรมาธิการยุโรป “แผนที่เส้นทางสำหรับการเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่แข่งขันได้ในปี 2593” (A Roadmap for moving to a competitive low carbon economy in 2050) – COM (2011) 112 final
1. “คณะกรรมาธิการชุดต่อไปจำเป็นต้องรักษากำลังเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดการปล่อยคาร์บอนในการจัดสนองไฟฟ้าและในภาคขนส่ง” แนวทางการเมืองสำหรับคณะกรรมาธิการชุดต่อไป กล่าวโดย นายบาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2552
เอกสารสื่อสารของคณะกรรมาธิการยุโรป “แผนที่เส้นทางสำหรับการเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่แข่งขันได้ในปี 2593” (A Roadmap for moving to a competitive low carbon economy in 2050) – COM (2011) 112 final
2. “คณะกรรมาธิการชุดต่อไปจำเป็นต้องรักษากำลังเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขจัดการปล่อยคาร์บอนในการจัดสนองไฟฟ้าและในภาคขนส่ง” แนวทางการเมืองสำหรับคณะกรรมาธิการชุดต่อไป กล่าวโดย นายบาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2552

** (บทความยาว ติดตามอ่านเป็นตอนๆได้ที่นี่)

*** เนื้อหาภาคภาษาอังฤษ ดัง link นี้ https://ecf.com/sites/ecf.com/files/ECF_CO2_WEB.pdf

(แปลและเรียบเรียง : กวิน ชุติมา กรรมการสถาบันการเดินและการจักรยานไทย)

 

Print Friendly, PDF & Email