ในช่วงสามสี่วันนี้มีข่าวเผยแพร่ทางโทรทัศน์และกลุ่มไลน์ว่า ปริมาณของฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้นมากหลายแห่งในไทย จนบางแห่งมีผลเสียต่อสุขภาพ (ดูภาพ PM 2.5 อันตรายแค่ไหน) ข่าวบอกถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากฝุ่นขนาดเล็กนี้ วิธีการเข้าถึงข้อมูลการตรวจของทางราชการว่าบริเวณไหนมีฝุ่นนี้ในปริมาณเท่าใดที่เป็นจริงในขณะนั้น และพูดถึงการป้องกัน เช่น การหลีกเลี่ยงการอยู่นอกอาคารในบริเวณที่มีฝุ่นนี้เกิดมาตรฐาน และ “การสวมหน้ากาก” ซึ่งตรงนี้เองที่อาจทำให้คนที่ได้รับข่าวสารเข้าใจผิด
เนื่องจากเราเดินและใช้จักรยานตามถนนเป็นประจำในชีวิตประจำวัน การมีความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องนี้ให้สามารถป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิผล จึงเป็นสิ่งจำเป็น ยาวสักนิด แต่ควรอ่านให้จบนะครับ
ฝุ่น PM 2.5 คือฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เล็กแค่หนึ่งในยี่สิบห้าของเส้นผมมนุษย์เรา เล็กจนขนจมูกเราไม่สามารถกรองได้ เล็กจนหน้ากากทั่วไปธรรมดาไม่สามารถป้องกันได้ (ดูภาพ PM 2.5 คืออะไร) ข่าวที่นำเสนอจะกล่าวถึงการสวมหน้ากากป้องกัน มีภาพการไปสอบถามคนเดินถนนบางคนที่สวมหน้ากาก ซึ่งในภาพจะเป็น “หน้ากากอนามัยทั่วไป” แต่นักข่าวไม่ได้ถาม ไม่ได้เตือนหรือทักท้วงว่า “หน้ากากอนามัย” ที่สวมอยู่นั้น ความจริงไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ เท่าที่ได้ติดตามมีเพียงในข่าวหนึ่งที่อธิบดีกรมอนามัยให้สัมภาษณ์และอีกข่าวหนึ่งที่เป็นการอ่านข่าวของทางสถานีเองว่า ต้องสวมหน้ากาก N95 เท่านั้นจึงจะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ แต่ข่าวหลังนี้ได้ให้ข้อมูลผิดว่า หน้ากากที่ได้มาตรฐาน N95 นี้ราคาแพง ราคาอันละหลายร้อยบาท (ดูภาพ PM 2.5 ป้องกันอย่างไร)
หลังจากมีข่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 ในไทยสูงเกินมาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณหลายแห่งในกรุงเทพฯ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผมได้ออกไปหาซื้อหน้ากาก N95 มาใช้เนื่องจากต้องเดินทางตามถนนไปในที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ เป็นประจำ ซึ่งหลายแห่งมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 มากจนถึงขั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพ และพบว่าหน้ากากชนิดนี้สามารถหาซื้อได้เฉพาะในห้างหรือร้านที่ขายอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในขณะทำงานเท่านั้น เช่น HOMEPRO (นี่ไม่ใช่การโฆษณาให้ห้างนี้ แต่ขอระบุชื่อเพื่อความสะดวกในการหาซื้อ เนื่องจากห้างนี้มีหลายสาขาสักหน่อย) หน้ากากที่ระบุว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 นี้มีหลายยี่ห้อหลายรุ่นจากผู้ผลิตในหลายประเทศ บางยี่ห้อบางรุ่นแสดงรหัสมาตรฐาน N95 ชัดเจน บางยี่ห้อบางรุ่นเพียงระบุว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ ไม่มีการแสดงรหัส N95 ทีนี้เนื่องจากคนทั่วไปเช่นเราไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของหน้ากากเหล่านี้ว่าเป็นไปตามข้อมูลหรือคำโฆษณาที่มากับหน้ากากนั้นจริงหรือไม่ จึงต้องตัดสินใจเองว่าจะเชื่อถือหรือไม่ หน้ากากที่ผู้ใช้จักรยานหลายคนใช้อยู่ บางแบบดูคล้ายหน้า N95 และช่วยกรองฝุ่นได้ก็จริง แต่ไม่แน่ว่าจะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้เสมอไป จำต้องอ่านข้อมูลคุณสมบัติของหน้ากากที่ให้มาของหน้ากากแต่ละชิ้นด้วยให้แน่ใจ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นกังวลจริงๆ ต่อสถานการณ์มลพิษในอากาศ โดยเฉพาะจากฝุ่น PM 2.5 และต้องการหาทางป้องกันตัวเองจากฝุ่นนี้ก็ต้องไปหาซื้อมาใช้ ราคาของหน้ากาก N95 นี้ไม่ได้แพง ราคาชิ้นละหลายร้อยบาทตามที่เป็นข่าว เท่าที่พบ รุ่นที่เรียบง่ายที่สุด ซึ่งอาจมีหรือไม่มีลิ้นช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น ราคาเพียงชิ้นละ 40-50 บาทเท่านั้น แน่นอนว่าแพงกว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป ซึ่งเป็นผ้าที่ด้านหนึ่งเป็นสีเขียว อีกด้านหนึ่งเป็นสีขาว และเห็นคนใส่กันอยู่ทั่วไป หน้ากากอนามัยเช่นนี้ใส่ไปให้ถูกต้องแล้วอาจสามารถป้องกันฝุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่าได้บ้าง แต่ไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ (ดูภาพเปรียบเทียบหน้ากาก N95 ด้านบน กับหน้ากากอนามัยทั่วไป ด้านล่าง)
ที่ว่า “ใส่ให้ถูกต้อง” คือใส่ให้กระชับใบหน้าจริงๆ อากาศที่เราหายใจเข้าไปจะต้องผ่านหน้ากากเข้าไป มิใช่ลอดเข้าทางช่องว่างระหว่างหน้ากากกับใบหน้า เช่น ที่บริเวณข้างจมูก การใส่หน้ากากให้กระชับทำได้ด้วยการกดปรับลวดหรือแผ่นโลหะที่ขอบบนของหน้ากากให้หน้ากากแนบเข้ากับรูปจมูก หากหน้ากากกระชับกับใบหน้าจริง เวลาหายใจเข้าจะรู้สึกว่าไม่สะดวกคล่องมากเท่ากับเวลาที่ไม่ใส่หน้ากาก ตัวหน้ากากจะแฟบยุบลงมาแนบใบหน้ามากขึ้นเมื่อหายใจเข้าและจะพองกลับออกไปเมื่อหายใจออก
สรุปย้ำอีกครั้งปิดท้ายว่า ประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองและบริเวณที่มีการก่อให้เกิดฝุ่นอื่นๆ (ดูภาพฝุ่น PM 2.5 มาจากไหน) จะเผชิญกับสภาพที่มีฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ในอากาศในปริมาณที่มากเกินมาตรฐาน ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ บ่อยครั้งขึ้น ในเมื่อเราจำเป็นจะต้องเดินทางไปไหนมาไหนหรือออกไปที่โล่งแจ้ง ก็ควรไปหาซื้อหน้ากากที่ได้มาตรฐาน N95 มาใช้ จะได้เดินและขี่จักรยานในชีวิตประจำวันกันอย่างมีความสุขและปลอดภัยมากขึ้น “หน้ากากอนามัยทั่วไป” ใส่ไปก็ไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้แน่นอน
24 ธันวาคม 2561