หลายคนเมื่อปั่นจักรยานใหม่ๆ อาจเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจ็บปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ซึ่งเกิดได้ทั้งจาก กล้ามเนื้อยังไม่ยืดหยุ่น การหักโหมปั่นมากไป หรือ การปั่นในท่าไม่ถูกต้อง
วิธีป้องกันและแก้ไข เบื้องต้น ให้สังเกตจุดที่รู้สึกเจ็บ หรือปวดเมื่อย หลังการขี่ของตัวเอง แล้วลองแก้ไขดังต่อไปนี้
1. ขี่จักรยานแล้วปวดคอ
ส่วนมากพบในผู้ใช้จักรยานเสือหมอบที่ต้องก้มตัวขณะปั่น และอยู่ในท่าเดียวนานๆ ซึ่งหากร่างกายไม่ยืดหยุ่น แข็งแรงพอ ทำให้ปวดคอและลามไปที่หลังได้ง่าย
วิธีแก้ไข : ตรวจสอบระดับความสูงของอาน ว่าเหมาะสมกับลำตัวหรือไม่ เพราะหากไม่เหมาะสม จะทำให้ต้องก้มตัวหรือเงยมากเกินไปได้
2. ขี่จักรยานแล้วปวดก้น
นักปั่นใหม่ๆ มักประสบปัญหานี้ อาการปวดก้นเกิดจากปุ่มกระดูกก้นกดและเสียดสีกับอาน หรือ อาจที่แข็งเกินไป
วิธีแก้ไข : เลือกอานจักรยานที่ไม่แข็งเกินไป เลือกประเภทบุนวมเพื่อลดแรงกดบริเวณก้น และควรใช้กางเกงสำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ จะช่วยลดปัญหาได้
3. ปั่นแล้วปวดเข่า
อาจเกิดได้ทั้งจากปัญหาเข่าอักเสบ หรือกล้ามเนื้ออักเสบ มักเกิดได้เมื่ออานอยู่ระดับต่ำเกินไป ทำให้เหยียดขาไม่สุด เข่าจึงงอขณะปั่น
วิธีแก้ไข : หากปวดมาก ให้หยุดพักการปั่น รับประทานยาแก้ปวด หาก 3 วันไม่ดีขึ้นควรพบหมอเพราะอาจมีอาการอักเสบ แต่หากพักแล้วหาย ให้ปั่นต่อได้โดยปรับระดับอานให้พอดีมากขึ้น และบริหารกล้ามเนื้อขาด้วยเสมอ
4. ปั่นแล้วปวดข้อเท้า
ส่วนใหญ่เกิดจากการทิ้งน้ำหนักที่มากเกินไปลงบริเวณปลายเท้า ลักษณะการจิกลง หรือ จักรยานไม่พอดีจนทำให้เคลื่อนไหวข้อเท้ามากกว่าปกติ หรือการวางเท้าที่ผิด เช่น วางค่อนไปทางด้านหลังมากเกินไป
วิธีแก้ไข : หมั่นบริหารข้อเท้า บริเวณเอ็นร้อยหวายให้แข็งแรง จัดท่าปั่นให้พอดี ให้ลำตัวช่วงล่างรับน้ำหนักแบบเฉลี่ยที่เหมาะสม ไม่จิกเท้ามากเกินไป
5. ปั่นแล้วปวดมือ หรือ มือชา
ส่วนใหญ่เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ บริเวณโคนฝ่ามือด้านนิ้วก้อย จากการขับแฮนด์จักรยานเป็นเวลานาน ทำให้เส้นประสาทถูกรบกวน จึงรู้สึกมือชา หรือ ปวดฝ่ามือหลังปั่น
วิธีแก้ไข : สวมถุงมือเพื่อลดแรงกดบริเวณฝ่ามือขณะปั่นจักรยาน หรือ เปลี่ยนตำแหน่งจับแฮนด์เป็นระยะๆ บริหารฝ่ามือบ่อยๆ ให้แข็งแรง
ที่มา : เรียบเรียงจาก นิตยสาร Men’s health